ไม่ว่าจะหยุดพักผ่อนอยู่บ้านเฉยๆ หรือ Work From Home ก็ตามแต่ ที่แน่ๆคือ แอร์ต้องเปิดในช่วงนี้ ไม่งั๊นอยู่ไม่ได้เพราะมันร้อนเหลือเกิน ถ้าไม่เปิดแอร์คงไม่มีสมาธิทำงาน ที่สำคัญตามมาซึ่งค่าไฟที่ต้องจ่ายตอนสิ้นเดือน ต่อให้รัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือค่าไฟ แต่เอาเข้าจริงก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะช่วยเซฟเงินในกระเป๋าได้เท่าไหร่
เริ่มแรกเราอยากจะให้คุณมาทำความรู้จักกับคำว่า BTU ซึ่งมักจะปรากฏบนสเปคของแอร์ทุกแบรนด์ทุกรุ่นไปจนถึงทุกประเภทในท้องตลาด โดยเชื่อว่าหลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่ามีความสำคัญยังไงกับภาพรวมของการใช้งาน ดังนั้นเรามาดูพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าว่า BTU คืออะไร
BTU คืออะไร?
BTU คือหน่วยมาตรฐานสากลของการวัดค่าพลังงานความร้อน ซึ่งในเรื่องของแอร์นั้นค่า BTU จะเป็นค่าความสามารถในการทำความเย็นในเวลา 1 ชั่วโมง หรือพูดง่ายๆคือความสามารถในการถ่ายเทความร้อนออกจากห้องปรับอากาศในหน่วย BTU ต่อชั่วโมง โดยที่ความร้อน 1 BTU คือ ปริมาณความร้อนที่ทำให้น้ำ 1 ปอนด์ มีอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง 1 องศาฟาเรนไฮด์ เช่น เครื่องปรับอากาศขนาด 12,000 บีทียูต่อชั่วโมง หมายความว่าเครื่องปรับอากาศเครื่องนั้นสามารถดึงความร้อนออกจากห้องปรับอากาศได้ 12,000 BTU ภายในเวลา 1 ชั่วโมง
BTU เกี่ยวข้องกับการเลือกแอร์อย่างไร?
BTU นั้นสำคัญมาก เพราะแอร์แต่ละเครื่องจะถูกกำหนดให้มี BTU ที่แตกต่างกัน ซึ่งหลายคนมักจะคิดว่าจะใช้แอร์ BTU ขนาดไหนก็ได้หรือยิ่งขนาด BTU ยิ่งมากยิ่งดี นั่นคือความคิดที่ไม่ถูกต้องเลย เพราะสุดท้ายจะกลายเป็นว่าคุณได้แอร์ที่ไม่เหมาะสมและทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพมาใช้งาน ยกตัวอย่างเช่น คุณเลือกใช้แอร์ที่มีขนาด BTU สูงในห้องที่มีขนาดเล็ก นั่นจะทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์ตัดการทำงานบ่อย แอร์ก็จะทำงานได้ไม่เต็มที่ ความชื้นในห้องก็จะเพิ่มมากขึ้น ทำให้คุณรู้สึกอึดอัดไม่สบายตัว ไม่ใช่แค่นั้น เพราะนั่นยังยังเป็นเหตุผลให้สิ้นเปลื้องพลังงานและคุณต้องจ่ายค่าไฟมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
BTU กับห้องแต่ละประเภท และ BTU กับขนาดของห้อง
ในการเลือกขนาด BTU นั้นจำเป็นต้องเอารายละเอียดพื้นฐานทั้งหมดของห้องที่จะติดแอร์มาพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นขนาด ความสูง จำนวนหน้าต่าง ฉนวนกันความร้อน กิจกรรมและจำนวนคนที่จะใช้ห้องในขณะเปิดแอร์ ทิศทางการโดดแดดส่อง รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งทั้งหมดนี้มีผลต่อการเลือกขนาด BTU ของแอร์ทั้งนั้น อีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามก็คือขนาดห้องที่ติดตั้งแอร์กับ BTU เพราะถ้าเลือกที่มี BTU สูงไปแต่ห้องเล็กก็จะทำให้เปลืองไฟ แต่ถ้าติดตั้งในห้องใหญ่แต่มี BTU ที่น้อยนอกจากจะเย็นไม่ทั่วถึงก็มีผลทำให้แอร์พังเร็วสิ้นเปลืองพลังงาน แน่นอนว่าคุณจะต้องจ่ายค่าแอร์ที่แพงมากเกินความจำเป็นเช่นกัน
ชนิดแอร์ต้องเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งาน
แอร์สำหรับบ้านพักอาศัย
เราจะใช้แอร์ประเภทนี้แบบติดผนัง โดยจะมีขนาดที่พอดีเหมาะสมต่อการใช้งานในบ้าน สามารถทำความสะอาดและดูแลรักษาได้ง่าย หรือจะใช้เป็นแอร์ตั้งพื้นก็ได้สะดวกต่อการเคลื่อนย้ายไปมา แถมทำความเย็นให้ได้อย่างรวดเร็วต่อเนื่อง
แอร์สำหรับใช้เชิงพาณิชย์
แอร์ประเภทนี้จะมีขนาดใหญ่ ซึ่งแบ่งเป็นหลายประเภท ทั้งแบบฝังเข้ากับผนัง ติดตั้งบนฝ้าเพดาน โดยจะปล่อยความเย็นออกมาได้ 4 ทิศทาง เหมาะสำหรับใช้ในสถานที่ใหญ่ ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า สำนักงาน หรืออาคารที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ ร้านอาหาร ดังนั้นการเลือกแอร์ต้องเลือกจากความเหมาะสมของพื้นที่หรือสถานที่ที่จะติดตั้งเป็นดีที่สุด