เลือกแอร์ ต้องเหมาะสมกับห้องต่างๆ หากใช้เครื่องปรับอากาศที่ใหญ่เกินไป จะควบคุมความเย็นได้ไม่ดี ควบคุมความชื้นไม่ได้ เพราะเครื่องเดินและหยุดบ่อย อีกทั้งราคาแพงเกินจำเป็น ถ้าซื้อขนาดเล็กเกินไปก็ทำให้ห้องไม่เย็นและเครื่องต้องทำงานตลอดเวลาทำให้อายุการใช้งานสั้น
ใครที่กำลังสนใจอยากจะซื้อเครื่องปรับอากาศตัวใหม่ มาติดตั้งไว้ในห้องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือห้องทำงาน ควรเลือกซื้อแอร์ที่มีนวัตกรรม ฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลาย มีระบบการทำงานที่ง่าย ปลอดภัย และประหยัดพลังงาน แต่อีกสิ่งที่ควรจะคำนึงถึงทุกครั้งที่เลือกซื้อแอร์นั่นก็คือ BTU แอร์ ขนาดเท่าไหร่ถึงจะเหมาะกับห้องของคุณ เพราะถ้าหากคุณเลือกขนาด BTU ที่เล็กเกินไปสำหรับห้องที่คุณจะนำไปติดตั้งแอร์ก็อาจทำให้คุณเปิดแอร์แล้วรู้สึกว่าเย็นไม่พอ และทำให้ต้องเสียเงินเพื่อเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศที่มีขนาดใหญ่ขึ้น
เลือกแอร์ แบบไหน เหมาะกับห้องยังไงบ้าง ?
เพราะการเลือกแอร์ให้เหมาะกับห้อง ไม่ใช่แค่เรื่องของขนาดแอร์ หรือขนาดของ BTU แต่ยังเกี่ยวกับประเภทของแอร์ ว่าต้องเลือกแอร์แบบไหน? ถึงจะตอบโจทย์การใช้งานและลักษณะห้องที่แตกต่างในแต่ละพื้นที่ อยากเลือกแอร์ให้ดี เราจึงขอเริ่มกันที่ประเภทของแอร์กันก่อน ดังนี้
แอร์ติดผนัง เรามักจะได้เห็นการเลือกแอร์แบบติดผนังในพื้นที่บ้านกันอยู่บ่อยๆ เนื่องจากมีการทำงานแบบหลายฟังก์ชัน ทั้งโหมดประหยัดไฟ กรองฝุ่น หรือในบางยี่ห้อบางรุ่นที่สามารถกรองได้แม้กระทั่งฝุ่น PM2.5 อีกทั้งแอร์ติดผนังส่วนใหญ่จะมีขนาดที่ค่อนข้างกะทัดรัด ออกแบบสวยงาม จึงเหมาะสมกับบ้านและคอนโดอย่างยิ่ง
แอร์แขวนเพดาน เป็นอีกหนึ่งประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ด้วยเพราะฟังก์ชันการทำงานที่มีความเหมือนกับแอร์ติดผนัง แต่สามารถกระจายความเย็นได้ทั่วถึงและเร็วกว่า การติดตั้งแอร์แบบแขวนเพดานจึงเหมาะกับห้องขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่เยอะอย่างห้องประชุม หรืออาคารสำนักงาน
แอร์ตั้งพื้น เป็นเครื่องปรับอากาศที่วางอยู่บนพื้นห้อง จุดเด่นของแอร์ตั้งพื้น คือสามารถถอดทำความสะอาดได้ง่าย เหมาะกับห้องที่มีความสูงจากพื้นถึงเพดานแบบพอดี ไม่เหมาะกับห้องกว้างและเพดานสูง เพราะจะทำให้ได้รับความเย็นไม่ทั่วถึง อย่างไรก็ตามเครื่องปรับอากาศแบบตั้งพื้นก็ยังไม่เป็นที่นิยมมากนักในปัจจุบัน เนื่องจากต้องอาศัยพื้นที่ในการจัดวางนั่นเอง
แอร์ฝังฝ้าเพดาน (Cassette Type Air Conditioner) ข้อดีหลักๆ ของการเลือกแอร์ประเภทนี้ คือช่วยประหยัดพื้นที่ สามารถกระจายความเย็นได้ทั่วถึงทุกทิศทาง บวกกับดีไซน์ที่สวยงามกลมกลืนไปกับห้อง หรือฝ้าเพดาน จึงเหมาะสำหรับห้องขนาดใหญ่ หรือห้องที่มีพื้นที่กว้าง เพดานสูง แน่นอนว่าราคาเครื่องต่อ BTU ก็ค่อนข้างสูง และบำรุงรักษายากตามไปด้วยเช่นกัน
เมื่อเราได้รู้จักกับเครื่องปรับอากาศ หรือแอร์แต่ละประเภทกันแล้ว ต่อไปเราจะพาไปรู้จักกับการคิดค่า BTU หรือ British Thermal Unit ต่อขนาดพื้นที่ของห้อง เพื่อให้เราได้แอร์ที่เหมาะกับลักษณะห้อง เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานพร้อมช่วยประหยัดพลังงานด้วย